วิธีการทำข้าวห่อไข่

Omuraisu (ข้าวห่อไข่)




เป็นเมนูที่ค่อนข้างนิยมของชาวญี่ปุ่น ด้วยส่วนประกอบที่หาไม่ยาก ทำง่าย รับประทานได้ทุกเพศทุกวัย ทำเสร็จใหม่ๆไข่เจียวหอมกรุ่น พอเอาช้อนตักลงไปก็จะพบไส้หอมๆ พอรับประทานคู่กับไข่และซอสมะเขือเทศ...เข้ากั้นเข้ากันค่ะ






วิธีทำ

1. เครื่องปรุงประกอบด้วย หอมซอย 30 กรัม, เห็ดหอมสดสไลด์บางๆ 1 หัว, เนื้อไก่หั่นเต๋าประมาณ 1 เซ็น 30 กรัม ทีนี้ก็มาเริ่มลงมือกันเลยนำเนย 10 กรัมลงผัดในกระทะตั้งไฟร้อน พอเนยละลายตามด้วยหอมซอย ตามด้วยเนื้อไก่และเห็ดหอมสด


2. ผัดเครื่องให้เข้ากันจนหอมซอยเริ่มสุกนิ๊ดๆ ก็ใส่ซอสมะเขือเทศประมาณ 2 1/2ช้อนโต๊ะ และตามด้วยข้าวสวย 60 กรัม และไวน์ขาว 2/3 ช้อนโต๊ะ เหยาะเกลือและพริกไทยเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วปิดไฟพักไว้


3.ตอกไข่ 3 ฟองลงในชาม ตีให้เข้ากัน เหยาะเกลือและพริกไทย นำกระทะเปล่าตั้งไฟพอร้อนใส่น้ำมันและเนย 10 กรัม จนน้ำมันร้อนใช้ไฟพอปานกลาง เทไข่ที่ตีไว้แล้วลงในกระทะ กลิ้งกระทะให้ไข่กระจายเป็นแผ่น ใช้ตะเกียบหรือตะหลิวเกลี่ยให้ไข่หนาเท่าๆกัน


4.เมื่อไข่เริ่มสุกปานกลาง นำข้าวที่ผัดไว้แล้วมาเทใส่ลงในไข่ให้อยู่ขอบด้านใดด้านหนึ่ง แล้วผลิกขอบไข่อีกด้านมาปิด





5.หลังจากนั้นก็เริ่มม้วนไข่เพื่อห่อเครื่องให้อยู่ด้านใน โดยกระดกกระทะช่วยจะทำให้ห่อได้สวยงาม





6.ห่อได้เรียบร้อยเป็นอันเสร็จพิธี นำเทใส่จานโดยให้ด้านหลังแผ่นไข่ขึ้นโชว์ด้านบน จัดให้สวยงามน่ารับประทาน ราดซอสมะเขือเทศลงไปสัก 1 ช้อนโต๊ะเท่านี้ก็น้ำลายสอแล้วค่ะ

Wedding

หมั้น & แต่งแบบญี่ปุ่น

ข้อสงสัยเรื่องแต่งงานกับผู้หญิงญี่ปุ่นไม่ต้องมีสินสอดใช่ไหม? ประภาพร หาข้อมูลการแต่งงานมาให้แล้วค่ะ) ว่าปัจจุบันนี้ไม่มีค่ะ แต่จริงๆแล้วมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น เพราะถ้าพูดกันจริงๆ... สิ่งที่เรียกว่าสินสอดมันก็มีเหมือนกัน อย่างแหวนหมั้นก็ถือเป็นสินสอดในสมัยนี้นี่แหล่ะ ^_^


จริงๆคำว่าสินสอดในภาษาญี่ปุ่นมันก็มีคือยุยโนคิน = 結納金 (ถ้่าใครจะแต่งงานกับหนุ่มญี่ปุ่นแล้วต้องการอธิบายเรื่องสินสอดก็อธิบายได้) คำว่ายุยโน (結納) เป็นพิธีการผูกสองครอบครัวไว้ด้วยกันโดยการส่งสิ่งของที่จำเป็นและเป็นมงคลเช่นกิโมโน, โอบิให้ โดยส่วนใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะเป็นฝ่ายส่งให้กับฝ่ายเจ้าสาว แต่เนื่องจากในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยได้ใช้กิโมโนหรืออะไรกันแล้ว ก็เลยส่งเป็นเงินให้แทน เงินนี้ก็คือยุยโนคิน จะว่าตรงกับคำว่าสินสอดของเราก็ได้



สินสอดที่ว่านี้ไม่ได้ถูกกำหนดแน่นอนว่าต้องประมาณเท่าไหร่ แต่หลายคนจะกะประมาณเงินเดือนของเจ้าบ่้าว 2 เดือน-3 เดือน (reasonable ว่ะ ไม่เหมือนของไทยที่นึกจะเรียกก็เรียก) ฝ่ายเจ้าสาวได้รับมาก็ไม่ใช่ทำเฉย จะต้องส่งของตอบแทนฝ่ายเจ้าบ่าวเค้าด้วย ทางคันโตจะส่งของตอบแทนที่มีมูลค่าประมาณ 50% ของจำนวนเงินที่ได้รับ (สมมติได้มาล้านเยนก็ต้องส่งของหรือเงินประมาณ 5 แสนเยนกลับไปให้) ส่วนคนคันไซงกหน่อย ได้ข่าวว่าจะส่งกันแค่ 10% ของเงินที่ได้มา (เจ้าบ่าวแถบคันไซก็อ่านบรรยากาศกันเก่งมาก ส่วนใหญ่เลยให้สินสอดไม่เยอะเท่าไหร่ ยังไงก็ได้กลับมาแค่ 10% อยู่แล้วนี่)




แต่นี่ก็ยังไม่ได้หมายความว่าแต่งกันแล้วนะ ยุยโนคือการหมั้นเฉยๆ

ทีนี้ในปัจจุบันนี้รูปแบบของการหมั้นแบบญี่ปุ่นก็ได้เปลี่ยนไป ในเมื่อยุยโนหมายถึงการผูกสองครอบครัวเข้าด้วยกัน หลายครอบครัวจึงเปลี่ยนมาเป็นการจองร้านอาหารทานข้าวด้วยกัน หรือเปลี่ยนจากของหมั้นที่ผู้ชายส่งให้ผู้หญิงเป็น “ของที่ระลึกการหมั้น” (婚約記念品) แทน





ตัวอย่างของที่ระลึกงานหมั้น...


แหวนหมั้น (婚約指輪 คงยัคขุยูบิวะ) ก็เป็นลักษณะ “ของที่ระลึกการหมั้น” อย่างหนึ่งที่ผู้ชายให้กับผู้หญิง และถึงครอบครัวหรือคู่ไหนที่ไม่ได้มีการจัดการหมั้นกันอย่างเป็นทางการ ส่วนใหญ่อย่างน้อยผู้ชายก็จะซื้อแหวนหมั้นให้กับผู้หญิงอยู่ดี (ทว่าก็ไม่ใช่ทุกคู่ บางคู่ก็ตกลงกันว่าเราจะไม่มีแหวนหมั้นอะไรกันให้สิ้นเปลือง เพราะมันแพง) ส่วนของที่ระลึกการหมั้นที่ผู้หญิงส่งให้ผู้ชายมักจะเป็นนาฬิกาข้อมือ ราคาก็ควรจะประมาณแสน-2แสนเยน




เรามักจะได้ยินกันเสมอว่า แหวนหมั้นที่ผู้ชายญี่ปุ่นซื้อให้ผู้หญิงญี่ปุ่นนั้นควรจะมีมูลค่าประมาณเงินเดือน 3 เดือนของผู้ชาย แต่อันนั้นมันเป็นเรื่องของสมัยก่อน (เพราะสมัยก่อนเงินเดือนเฉลี่ยของผู้ชายน้อยกว่านี้มาก เงินเดือนเดือนสองเดือนก็ยังซื้อแหวนดีๆไม่ค่อยได้ สมัยนี้ส่วนใหญ่จะประมาณกลางๆ คือเงินเดือนประมาณ 1 เดือนหรือเดือนครึ่งก็พอ (ว่าใครอยากจะให้เยอะๆก็ตามใจ) ส่วนใหญ่จะซื้อแหวนเพชรที่มูลค่าประมาณ 3-4 แสนเยนเท่านั้น

วิธีซื้อแหวนหมั้นมีประมาณ 4 แบบ แล้วแต่งบและความชอบของแต่ละคู่ (ส่วนใหญ่ก็ตามใจผู้หญิง) ได้แก่


1. Ready Made : คือแหวนสำเร็จที่ออกแบบทำมาไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ไปเลือกเอาเลย เหมาะสำหรับคนเวลาไม่ค่อยมีและไม่ค่อยเรื่องมาก ไม่มีไอเดียอะไร ข้อดีก็คือได้ดูของจริงก่อนจะตกลงใจซื้อ ทว่าตัดสินใจซื้อแล้วอาจจะต้องมีการแก้ไขทำอะไรอีกนิดหน่อย ใช่ว่าซื้อปุ๊บได้ปั๊บเหมือนซื้อหัวไชเท้า กรุณาเผื่อเวลาไว้นิดนึง


2. Semi-order : กึ่งๆสั่งทำ ประมาณว่าจะมีแคตตาล็อกให้เลือกเพชรกับเลือกสไตล์แหวน แล้วเค้าจะเอามาประกอบกันให้เหมือนกันดั้ม


3. Full order : สั่งทำแหวนใหม่เลย รวมถึงให้เค้าออกแบบด้วย นี่ต้องใช้เวลาประมาณพอสมควร เพราะต้องไปนั่งคุยนั่งดูเค้าออกแบบประมาณหนึ่ง คู่เราใช้แบบนี้ อย่างบอกเค้าไปว่าเราจะแต่งกันวันคริสมาสตร์ อยากได้คอนเซ็ปของแหวนเป็นคริสมาสตร์ เค้าก็จะนั่งเสก็ตแบบแหวนออกมาเรื่อยๆ ชวนเราคุยไปด้วย สุดท้ายก็ให้เราเอากลับไปเลือกสี่ห้าแบบ โปรมาก


4. Reform : คือเอาแหวนหรือเครื่องประดับเก่าของเจ้าป้ามารีฟอร์มใหม่ให้สวยงาม เป็นวิธีที่ eco มาก บางทีแม่เจ้าบ่าวจะยกแหวนประจำตระกูลหรืออะไรอย่างนี้ให้ แต่สไตล์มันอาจจะเฉิ่มเชยไปตามยุคสมัย ร้านแหวนจะจัดการหาแบบและคุยกับเราและทำแหวนใหม่ออกมาให้ไฉไล ทันสมัยเปี๊ยบ ค่อนข้างประหยัดกว่าไปซื้อใหม่เยอะ ^_^


อนึ่ง...ภาษาอังกฤษทั้งสี่แบบนี้เป็นภาษาอังกฤษแบบญี่ปุ่นที่คนญี่ปุ่นเค้าใช้กัน อย่าได้จำไปใช้กันมั่วล่ะ เดี๋ยวจะสื่อกับชาวบ้านไม่รู้เรื่อง


พูดถึงงานแต่งงานของญี่ปุ่นจะแตกต่างจากไทยประมาณหนึ่้ง เนื่องจากไม่มีเรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณีหรือศาสนามาเกี่ยวข้องเท่าไหร่ ดังนั้นสามารถที่จะจัดการแต่งงานได้แบบฟรีสไตล์สุดๆ ส่วนใหญ่ก็จะแบ่งงานออกเป็น 3 ช่วงดังนี้


1.พิธีแต่งงานช่วงเช้า (หรือกลางวัน) อาจจะแต่งแบบญี่ปุ่นตามหลักศาสนาชินโตก็ไปจัดตามศาลเจ้า แต่งแบบคริสตร์ก็ไปจัดในโบสถ์ (บางที่ก็ไม่ใช่โบสถ์จริง คือเป็นสถานที่สำหรับจัดการแต่งงานที่จำลองโบสถ์มาเฉยๆ) ทั้งสองแบบไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาซักเท่าไหร่ พิธีช่วงเช้านี้ส่วนใหญ่จะเชิญแต่คนในครอบครัวหรือคนสนิทกันเท่านั้น เพื่อนกันหรืออะไรอย่างนี้มักจะไปงานเลี้ยงตอนกลางคืนเลย












2. งานเลี้ยงช่วงกลางคืน : ภาษาญี่ปุ่นเรียกฮิโรเอ็ง (披露宴) จะมีการส่งบัตรเชิญไปให้แขกล่วงหน้าซึ่งแขกจะต้องตอบรับมาด้วยว่าไปได้หรือไม่ได้ การจองโรงแรมก็จะจองตามจำนวนจริง ปกติถ้าเค้าไม่ได้ระบุให้เอาเด็กไปด้วยได้ก็ไม่ควรจะเอาไปเด็ดขาด และห้ามเชิญหรือเอาใครไปเพิ่มตามสไตล์ไทยๆ หากจะแคนเซิลไม่ไปควรบอกแต่เนิ่นๆ และไม่ควรแคนเซิลนอกจากจำเป็นจริงๆ (เช่นตัวเองหรือคนในครอบครัวป่วย) เพราะเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องออกค่าอาหารต่อหัวประมาณ 1 หมื่นถึง 1 หมื่นห้าพันเยน ในกรณีที่เรามาไกล เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะเตรียมค่าเดินทางและค่าโรงแรมไว้ให้เราด้วย

การใส่ซองในงานแต่งงานก็ต้องใส่ตามความสัมพันธ์ของเรากับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ถ้าเป็นเพื่อนกันก็ใส่ประมาณ 3 หมื่นเยน ญาติพี่น้องใส่ 5 หมื่น ถ้าเป็นญาติสนิทเช่นพ่อแม่ต้องใส่กันประมาณแสนเยนเลยทีเดียว (แต่ค่าแต่งงานพ่อแม่ไม่เกี่ยว ส่วนใหญ่เป็นเงินเก็บของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเอง แต่บางครอบครัวพ่อแม่ก็ช่วยบ้าง) ถ้าไปกันสองคนผัวเมียหรือเอาแฟนไปด้วย ต้องแยกซองกันอีกต่างหาก จะมาทำเนียนว่ามาด้วยกันไม่ได้ ถ้าใครไม่อยากให้เป็นซองก็ให้เป็นของได้ แต่ราคาก็ต้องประมาณเดียวกับที่ใส่ซองให้ (อาจจะน้อยกว่าได้นิดหน่อย)


กรณีที่เราไปไม่ได้แต่อยากจะส่งเงินไปช่วยก็ส่งประมาณครึ่งนึงหรือ 1 ใน 3 ของเงินใส่ซอง หรือจะส่งเป็นของก็ได้






ส่วนเจ้าบ่าวเจ้าสาวเมื่อได้รับซองหรือของอวยพรไปแล้ว หลังงานแต่งงานก็ต้องวุ่นวายกับการส่งของตอบแทนให้กับคนที่มางานของเราด้วย ส่วนใหญ่จะส่งของตอบแทนในราคาประมาณ 1 ใน 3 ของที่ได้รับกลับไปให้ โดยมากจะเป็นพวกผ้าเช็ดตัวหรือข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป



บางคนอาจจะสงสัยว่างานแต่งงานญี่ปุ่นทำอะไรกันบ้าง โดยมากหลังจากแขกมากันพร้อมและผู้ประสานงานกล่าวเปิดแนะนำเรียบร้อยแล้วก็จะมีการชนแก้วดื่มอวยพร (คัมไป) กันก่อน มีการตัดเค้ก มีการเปลี่ยนชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เรียกว่าโออิโรนาโอฉิ (お色直し) จากนั้นก็เป็นการจุดเทียนร่วมกันของเจ้าบ่าวเจ้าสาว (แคนเดิลเซอร์วิส) แล้วก็ speech หลังจากนั้นก็เป็นช่วงอ่านจดหมายให้พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายฟัง ส่วนใหญ่จะซาบซึ้งร้องไห้กันช่วงนี้ จบแล้วเจ้าบ่าวเจ้าสาวมอบช่อดอกไม้และของที่ระลึกให้พ่อแม่ ตัวแทนฝ่ายครอบครัวก็จะออกมากล่าวอะไรเล็กน้อย (บางทีก็เป็นตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวกล่าวเอง) แขกที่มางานก็จะได้ของที่ระลึกที่เรียกว่าฮิคิเดะโมโนะกลับไปด้วย คล้ายๆของชำร่วยแต่จะออกหรูหรากว่า (บางทีจะให้เป็นกิฟท์แคตตาล็อคมา แขกก็ไปเลือกเอาเองเลยว่าอยากได้อะไร)



เป็นแค่ขั้นตอนคร่าวๆของงานแต่งงานทั่วไป บางงานก็มีการฉายวีดีโอตอนเด็กๆของเจ้าบ่าวเจ้าสาว หรือมีการแสดงที่เพื่อนๆเตรียมไว้อะไรอย่างนี้ด้วย ^_^

3. งานเลี้ยงต่อระหว่างเพื่อนฝูง (二次会 นิจิไก) : จบจากงานแต่งงานจะเป็นงานเลี้ยงแบบเป็นกันเองระหว่างเพื่อนๆของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ส่วนใหญ่จะเป็นการไปจองร้านอาหารแล้วก็เลี้ยงกัน เพื่อนบางคนก็ไม่ไปงานเลี้ยงแต่งงาน มาเฉพาะตอนงานนิจิไกเลย ว่ากันว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้เราอาจได้ปิ๊งใครได้งานนี้ เพราะเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวได้มาเจอกัน อายุก็จะประมาณไล่เลี่ยกัน ว้าว! สาวๆต้องพยายามทำตัวดูดีหน่อย (ส่วนใหญ่เจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวจะมอบหมายให้เพื่อนตัวเองคนใดคนหนึ่งเป็นคนรับผิดชอบงานนิจิไก)

สำหรับชุดไปงานแต่งงานนั้น ถ้าเป็นพิธีแต่งงานก็แต่งแบบ formal หน่อย คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ผู้ชายจะใส่สูทสีดำ เนคไทสีขาว ผู้หญิงอาจจะแต่งกิโมโนสีดำและมีลวดลายสวยๆแบบเป็นพิธีการ (โอบิควรจะเป็นลายที่เป็นมงคล) หรือถ้าใส่ชุดธรรมดาก็ใส่เป็น dress หรือสูทแบบ formal ก็ได้ มักจะใส่สีดำหรือสีพื้นๆจะดูสุภาพกว่าใส่สีแจ้งแว้ง (ใส่สีดำแล้วประดับด้วยเครื่องประดับสวยๆแทน)



รวมแล้วค่าแหวนหมั้นบวกงานแต่งทั้งหมดเฉลี่ยประมาณ 5-6 ล้านเยน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่งบของคู่เรา เดี๋ยวนี้มีสถานที่รับจัดงานแต่งงานแบบราคาถูก แต่งกันง่ายๆเสียแค่ไม่กี่แสนเยนก็มี บางคนจดทะเบียนอย่างเดียวไม่จัดงานแต่งเลยก็เยอะ แล้วค่าจัดงานก็ไม่ใช่ว่าเจ้าบ่าวเป็นคนออกทั้งหมด บางทีก็ช่วยกันออกสองคนทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว บางทีเจ้าบ่าวออกค่างานแต่ง เจ้าสาวออกค่าย้ายบ้านหรือค่าเฟอร์นิเจอร์ในบ้านเป็นต้น

กลับมาเรื่องแหวนหมั้นอีกที... จากแบบสอบถามสาวๆญี่ปุ่นได้ผลมาว่า สาวๆจำนวน 2 ใน 3 คนอยากได้แหวนหมั้นตอนขอแต่งงาน (คือมาพร้อมกับคำขอแต่งงานเหมือนในหนัง) แต่ในความเป็นจริงผู้ชายที่จะเตรียมแหวนเพชรมาให้ตอนขอแต่งงานมีเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น และสอบถามต่อว่าอยากให้ผู้ชายขอแต่งงานที่ไหนมากที่สุด? สาวๆ 48% บอกว่าอยากให้ขอแต่งงานในที่ที่โรแมนติกเช่นที่ที่มองเห็นวิวสวยๆตอนกลางคืน แต่ปรากฏว่ามีสาวๆแค่ 10% เท่านั้นที่สมหวัง...


ดังนั้นใครจะขอสาวญี่ปุ่นแต่งงาน อย่าลืมเตรียมแหวนเพชรไปก่อน แล้วก็อย่าลืมเตรียมคำขอแต่งงานในบรรยากาศโรแมนติกอย่างเช่นวิวกลางคืนนะคะ ^_^


ใครจะไปแต่งที่ดิสนีย์แลนด์ก็ได้นะ ^_^




ป.ล. ส่วนแหวนแต่งงานนั้น คนญี่ปุ่นก็มีการแลกแหวนแต่งงานกันเหมือนกัน แต่ถึงแต่งงานแล้วคนไม่ใส่แหวนแต่งงานก็เยอะนะ @_@; ถ้าเจอหนุ่มดีๆแต่ไม่ใส่แหวนแต่งงานก็อย่าได้ชะล่าใจไปว่าเค้ายังโสด



ศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

結納 ยุยโน การผูกสองตระกูลเข้าด้วยกัน

結納金 ยุยโนคิน เงินสินสอด

結納品 ยุยโนฮิน ของหมั้น

結婚式 เก๊กกงชิกิ งานแต่งงาน, พิธีแต่งงาน

披露宴 ฮิโรเอ็ง งานเลี้ยงแต่งงาน

二次会 นิจิไก งานเลี้ยงหลังแต่งงาน

お色直し โออิโรนาโอฉิ การเปลี่ยนชุดของเจ้าบ่าวเจ้าสาว

引き出物 ฮิคิเดะโมโนะ ของที่ระลึกให้แขกที่มางาน

新郎 ชินโร เจ้าบ่าว

新婦 ชินปุ เจ้าสาว

仲人 นาโคโดะ พ่อสื่อแม่สื่อ, ผู้ประสานงาน

婚約 คงยัคขุ การหมั้น

婚約指輪 คงยัคขุยูบิวะ แหวนหมั้น

結婚指輪 เก๊กกงยูบิวะ แหวนแต่งงาน

Kimono

Kimono ถ้าแปลตามตัวอักษรคันจิจะแปลว่า "เครื่องนุ่งห่ม,เสื้อผ้า,เครื่องอาภรณ์" และมีวิวัฒนาการความเป็นมาที่ยาวนานคู่กับประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายจนกระทั่งกลายเป็นภาพติดตาเมื่อกล่าวถึงประเทศญี่ปุ่น ก็ต้องนึกถึงภาพคนญี่ปุ่นในชุดกิโมโนที่สวยงาม Kimono มีหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกันแล้วแต่โอกาสในการใส่ และเปลี่ยนรูปแบบไปตามฤดูกาล รวมถึงการสวมใส่ของแต่ละคน แต่ละเพศ แต่ละวัยก็ทำให้ Kimono เปลี่ยนรูปแบบไปต่าง ๆ

Kimono - กิโมโน

ปัจจุบันผู้ที่สวมใส่ Kimono ไม่ได้มีเพียงแต่คนแก่เท่านั้น วัยรุ่นก็ต้องใส่ในงานพิธีต่าง ๆ เช่น วันฉลองอายุครบ 20 ปี , วันจบการศึกษา (ในบางโรงเรียน) เป็นต้น Kimono เป็นชุดที่มีราคาค่อนข้างสูง จึงนิยมมอบให้เป็นมรดกตกทอดแก่ลูกหลานอีกด้วย แต่ก็มีคนรุ่นใหม่ไม่น้อยที่ไม่สามารถสวมกิโมโน หรือผูกโอบิได้ถูกต้อง จึงได้มีโรงเรียนสำหรับสอนการสวมใส่กิโมโนเกิดขึ้น เนื้อผ้ากิโมโนนั้นมีทั้งผ้าฝ้ายและผ้าไหมแต่ถ้าเป็นไหมก็จะสวยงามมาก และราคาอาจจะสูงถึง ล้านเยน เลยก็มี

สาระพันเครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่น ๆ

kimono กับ yukata แตกต่างกันอย่างไร
ตอบ kimono มีหลายชั้นเวลาใส่ต้องมีความชำนาญ เนื้อผ้าทำจากผ้าไหมราคาแพง ส่วน yukata ส่วนใหญ่ทำจากผ้าฝ้าย และสามารถสวมใส่ได้ในฤดูร้อนมักใช้ในงานเทศกาล มาดูเครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่น ๆ กันว่าแต่ละอันเรียกว่าอะไรจะได้เรียกกันได้ถูกต้องนะคะ




Kimono ถ้าแปลตามตัวอักษรคันจิจะแปลว่า "เครื่องนุ่งห่ม,เสื้อผ้า,เครื่องอาภรณ์" และมีวิวัฒนาการความเป็นมาที่ยาวนานคู่กับประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายจนกระทั่งกลายเป็นภาพติดตาเมื่อกล่าวถึงประเทศญี่ปุ่น ก็ต้องนึกถึงภาพคนญี่ปุ่นในชุดกิโมโนที่สวยงาม Kimono มีหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกันแล้วแต่โอกาสในการใส่ และเปลี่ยนรูปแบบไปตามฤดูกาล รวมถึงการสวมใส่ของแต่ละคน แต่ละเพศ แต่ละวัยก็ทำให้ Kimono เปลี่ยนรูปแบบไปต่าง ๆ


Kyoto



Bringing you a truly authentic experience of Kyoto, amidst the magic that only winter can offer.
The city of Kyoto will once again this year be hosting the ever popular ‘Kyoto Winter Special’ campaign, introducing you to the little-known wintertime attractions of this magical city. Be sure to make the most of the fantastic sight-seeing opportunities that this website offers, and allow us to be your guide to the unique wonders of winter in Kyoto.

Savor the austere and tranquil beauty of winter
Above all, its greatest attraction is the sensation of serenity and mystery that the austere winter atmosphere brings to Kyoto and this is the favored time of year for the true connoisseurs of Kyoto. Marvel at the delicate beauty of Japanese gardens and elegant machiya-style houses, unique to Kyoto, all beneath a veil of glistening snow. The bare plants and trees of the flowerless winter scenery also present an unrivalled opportunity to appreciate the distinct Japanese ‘wabi-sabi’ sense of aesthetic, in the sweeping views of the mountainsides, and the bold architectural style of the city’s striking shrines and temples.
Kyoto’s wintertime allows you to see all the sights at your leisure, in a relaxed atmosphere that can not be enjoyed in any other season.

Hanatouro', 'Tea Party with Maiko' and 'Restaurant Winter Special': 3 events showcasing the splendor of Kyoto
An ever expanding wealth of opportunities for unique and unforgettable experiences await you in Kyoto, including amongst other captivating winter events, the ‘Hanatouro’ festivities, where Kyoto’s evening scenery is bathed in an enchanting lamplit glow, ‘Tea Party with Maiko’, offering close interactions with maiko, masters of understated conduct and traditional performing arts, and the ‘Restaurant Winter Special’, during which you can enjoy wholesome and visually spectacular cuisine to your heart’s content, all at moderate prices.
Furthermore, special offers at every hotel during this period make an economical stay in Kyoto possible.

Come and immerse yourself in the timeless magic of winter in Kyoto, where you are sure to discover a new face of Japanese culture.



© 2009-2010 Kyoto Tourism Council All rights reserved

Saitama



Spend time wandering through the rows of historical stores in "Little Edo." Be sure to try the simple, traditional sweets.

Located in the center of Saitama, Kawagoe City flourished as a castle town in the 17th century during the Edo Period. The city has been designated an important preservation district for groups of historic buildings where rows of magnificent merchants' houses in the traditional storehouse-style stand side-by-side. It is called "Ko-edo," or "Little Edo," because of its city architecture. The feudal lord of Kawagoe Castle ordered a bell tolling the time be built in the 17th century. The bell has been rebuilt several times, and the present 4th-generation bell is a symbol of Kawagoe, together with the streets lined with these traditional houses.

The area around Saiwai-cho, Moto-machi, and Naka-machi with the Ichibangai or the first street at the center, is one of the oldest towns in the Kanto region, where houses, including a draper's mansion, the Osawa family, and other palatial houses remain. Kita-in Temple boasts Kyakuden, a reception hall, and a study hall Sho-in, both of which are important cultural properties. You can also see the Gohyakurakan, Buddhist images modeled after 500 Buddha disciples.

Another specialty of Kawagoe is Kashiya-yokocho, a confectionary lane. It is a five-minute walk from the Fudanotsuji bus stop. Shops selling Japanese candies, sweet potato cakes, rice crackers, and other snacks stand in a row on both sides of the stone-paved lane. Their simple, nostalgic taste will satisfy both your tongue and heart.

The Kawagoe-matsuri Festival celebrated in the fall is one of three best festivals in the Kanto region. You will see exquisitely decorated seven-meter tall floats parading the city.

Tochigi



The Shrines and Temples of Nikko
Sacred spot of the Edo Shogunate
with striking religious architecture and glorious nature

Tochigi prefecture
The "Shrines and Temples of Nikko" refer to the Toshogu and Futarasan-jinja shrines and the Rinnoji temple as well as their surroundings.

Toshogu is where Ieyasu Tokugawa (ruling from 1603 to 1605) is enshrined; he was the first shogun of the Edo Shogunate, which flourished between the 17th and 19th centuries. As many as 127,000 craftsmen were involved in constructing the shrine, using the highest level of technology available at the time. The two-story "Yomei-mon Gate", decorated with brilliant colors and over 500 sculptures, is particularly famous. It is also called "Higurashi-mon (sunset gate)", because people spend all day long gazing at its beauty.

If you pass under Yomei-mon, turn right and enter the avenue leading to the shrine at the back, you will see the "Sleeping Cat" overhead, a national treasure created by legendary master Hidari Jingoro. The story behind the carving is that the cat was to ward off mice, because it is situated near the gate leading to the grave of Ieyasu. In the "Shinkyusha (sacred stable)" for the horses serving God, there is a series of 8 carved boards on which the life of a monkey is illustrated, from birth to pregnancy, caricaturing human life. One of the sculptures, the "Three Monkeys", is famous throughout the world for the "see no evil, hear no evil and speak no evil" poses. The carved monkeys covering their eyes, ears and mouth, respectively, were inspired by the Buddhist teaching that if we do not hear, see or speak evil, we ourselves shall be spared from evil, and the theme was chosen here in the belief that the monkeys would protect the horses from disease.
In addition to these carvings, there is also one of an elephant, purely from imagination, in a temple called "Kamijinko". The Toshogu Three Sculptures are small, but incredibly beautiful, and there is always a crowd of people in front of them.
The "Shinkyo Bridge" acts as a gateway to the shrines and temples of Nikko and is one of the three most unusual bridges in Japan. According to legend, when a certain saint tried to cross the rapids of the Daiyagawa River, two snakes formed a bridge for him to walk across. An 8-year repair work program was completed in March 2005 and the bridge is now open to the public again. The arch-shaped bridge covered in vermillion lacquer supported by stone piers is most attractive in the fall when the mountain trees are a dazzling red and yellow.

Some must-see sights in Futarasan-jinja include the vermillion lacquered shrine pavilion and the "Bakedoro (haunted garden lantern)" next to it. The lantern is rumored to change into a spooky shape when lit at night, and it still bears the scars from numerous sword strikes made by startled samurai warriors. Rinnoji is one of the temples representing the Tendai School of Buddhism along with Hieizan Enryakuji (Otsu City, Shiga prefecture) and Kaneiji (Taito-ku, Tokyo). A gold leaf wooden Buddha, 8.5 meters high, is enshrined within the main hall.

Nikko City, Tochigi prefecture

*Photo (C) Nikkozan Rinnoji Taiyuin Haiden

shiga



Center of trade and culture on the eastern shore of Lake Biwa-ko. Hikone Castle, one of the four most beautiful castles in Japan with its three-layered chalk tower.

Hikone is in the central-eastern part of Shiga and is a center for economy and culture on the eastern shore of Lake Biwa-ko. The town has been an important traffic point since early times and developed as a castle town of the Ii family. Ii was a retainer who played an active part in the hereditary Tokugawa shogunate, which began in the early 17th century and lasted for more than 250 years.

Hikone Castle has a backdrop of Lake Biwa-ko and Kinki-zan Hill (50 m), and is regarded as one of four national heritage castles, along with Inuyama Castle in Aichi, Himeji Castle in Hyogo, and Matsumoto Castle in Nagano. Its three-layered chalk castle tower still maintains its noble and heroic appearance as a symbol of the city.

Besides the castle tower designated as a national treasure, there are other towers of important cultural properties, such as Tenbin-yagura, Taikomon-yagura, and Nishinomaru-sanju-yagura; other historical spots include Genkyu-en, the old garden of a feudal lord, which recreates the nostalgic atmosphere of those ancient days.
The castle town of Hikone still has a feeling of olden days, comprising the old houses of 'ashigaru' (low-class warriors) at the right bank of Ashi-gawa River and Hana-Shobu-dori Street (the street of irises), along with other new attractions, such as Yume-Kyobashi Castle Road (the reproduction of street from 17th century) and Yonbancho Square, which are surrounded by traditional houses and temples in the atmosphere of Taisho Roman (a trend from the Taisho Era and European Romanticism of early 20th century).

Mt. Sawa-yama, about one kilometer east of Hikone Castle, is where the castle of Ishida Mitsunari, the leader who lost the Battle of Sekigahara, is located. At the mountain foot, you can visit such historical spots as Ryotan-ji Temple known for its gardens, and Ohora Bensaiten, as well as temples and shrines associated with the Ii family; also there is Tennei-ji Temple that enshrines the statue of Gohyakurakanzo.

Set in the rich, natural surroundings of Lake Biwa-ko, Hikone is a superlative place for you to enjoy the atmosphere of a castle town, full of historical and cultural interest that revolves around the castle itself.

Food


The Japanese archipelago stretches from north to south, which means that each region has a different climate and that Japan is abundantly blessed with seasonal changes. Amid such environmental conditions, numerous delicacies have developed in each locality and these local cuisines together with traditional Japanese dishes such as sushi and tempura produce a dietary culture unique to Japan.





อาหารญี่ปุ่น
เสน่ห์อีกประการหนึ่งของญี่ปุ่น อาจจะกล่าวได้ว่า อยู่ที่รสโอชะของอาหารอันมีแหล่งผลิตอาหารพื้นบ้านจากวัตถุดิบธรรมชาติ คือท้องทุ่งนา ไร่ผักผลไม้ เรื่อยไปจนถึงทะเลและมหาสมุทร ซึ่งเรือประมงใช้อวนลากเอาสัตว์น้ำนานาชนิดขึ้นมาปรุงเป็นอาหาร
จากความจำเป็นขั้นพื้นฐานของการดำรงชีพ ได้นำไปสู่การค้นคว้าปรับปรุง รสชาติของอาหารและคุณค่าของอาหาร อย่างยาวนานต่อเนื่องมาหลายศตวรรษ พอๆกับการปรับปรุงด้านการให้บริการ ได้ยกระดับขึ้นจนกลาย เป็นศิลปอีกชนิดหนึ่ง แม้แต่อาหารพื้นๆ ธรรมดาๆ ก็ยังมีรสนิยมในการจัดวางบนภาชนะ ให้ดูสวยงามน่ารับประทานที่สุด อาหารจานต่างๆ เช่น ซุชิ หม้อร้อน เทมปุระ หรือไก่ปิ้งเสียบไม้ หรือก๋วยเตี๋ยวน้ำเสิร์ฟใส่ภาชนะก้นลึกเหล่านี้ยืนยันได้ว่า ชาวญี่ปุ่นอุทิศเวลาให้แก่การเสพสุนทรียรสทางตาด้วย ชาวญี่ปุ่นชอบที่จะรับประทานปลาดิบเพราะเป็นความโอชะของอาหารพื้นบ้านอย่างแท้จริง ในประเทศนี้ ร้านขาย สุชิ มีมากมายและขายดีที่สุดในบรรดาร้านอาหารทั่วประเทศ แต่ถ้านำปลามาปรุงอาหารจานอื่นๆ ย่อมมิใช่อาหารหลักแน่ๆ ต้องเป็นปลากับข้าวสุกเท่านั้นจึงจะเหมาะสมที่สุด ท่านอาจจะแปลกใจเมื่อได้ทราบว่า ตำรับการ ปรุงอาหารญี่ปุ่นนั้นมีมากมายแทบจะนับไม่ถ้วน ที่สามารถยืนหยัดต่อต้านวัฒนธรรมอาหารชาติต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาในญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นได้เป็นอย่างดี ภัตตาคารและร้านอาหารต่างๆ บริการอาหารรสชาติเยี่ยม โดยมีราคาแตกต่างกันกว้างมาก จากชนิดราคาแพงที่สุด ลงไปจนถึงแพงพอจะซื้อหารับประทานได้ ท่านยังสามารถที่จะวางใจได้ในเรื่องบริการที่ไม่มีข้อตำหนิใดๆ ตลอดจนมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่สูงสุด และน้ำประปาจากก๊อกที่สะอาดปลอดภัยสามารถดื่มได้ทันที






แนะนำสถานที่รับประทาน
1. ภัตตาคารระดับ ไฮ-คลาส : ตั้งต้นจากความโอชะเยี่ยมเลอเลิศที่สุดของอาหาร จีนไปจนถึงระดับสุดยอดความอร่อยของอาหารฝรั่งเศส เทียบดูแล้วภัตตาคารชั้นเยี่ยมของญี่ปุ่นก็ไม่เป็นรองใคร ส่วนใหญ่ภัตตาคารญี่ปุ่นระดับนี้ จะตั้งอยู่ในโรงแรที่ดีที่สุดหรือในย่านแฟชั่นหรูโก้เก๋ของชุมชนใหญ่ๆ เช่น ถนนกินซ่า ในโตเกียว ย่านรบป็องหงิ หรืออะกาซากะ

2. ภัตตาคารที่ลูกค้าแน่นมาก : ยังมีภัตตาคารอีกมากมายที่ราคาพอสู้ได้ ตามอาคารบริษัทห้างร้านและสำนักงานที่เป็นตึกใหญ่ มักจะมีภัตตาคารอยู่ที่ชั้นใต้ดิน หรือตามชั้นที่มีแต่ร้านอาหารชั้นใดชั้นหนึ่งในห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์การค้าในเมืองใหญ่ ตลอดจนย่านร้านค้าใต้ดิน ตามสถานีรถไฟที่จอแจคึกคักทั้งวัน มื้อเที่ยงวันพนักงานบริษัทห้างร้านจะคลาคล่ำกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ตามร้านอาหารเหล่านี้ เขามักจะนิยมสั่งอาหารชุด เรียกว่า เทอิโชขุ ซึ่งเป็นอาหารจัดวางมาบนถาดครบชุดต่อคน ร้านอาหารในย่านอาหารราคาไม่แพง ส่วนมากมักจะมีตัวอย่างอาหารเป็นจานๆ ทำด้วยพลาสติกเหมือนของจริง มีป้ายบอกราคาติดไว้เสร็จ
จัดวางไว้ในตู้กระจกโชว์ด้านนอกตรงใกล้ประตูเข้า หากท่านไม่ทราบว่าจะสั่งอาหารชื่ออะไร ก็เพียงแต่ชี้ไปยังจานที่ต้องการลองชิม บางร้านอาหารมีเมนูชื่ออาหารทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ



3. โรบาตะยะขิ : คือร้านขายอาหารทะเลและอื่นๆ ปิ้ง-ย่างบนเตาถ่านเปิดโล่งตรงหน้าลูกค้า และมักจะเสิร์ฟโดยใช้ช้อนด้ามยาวส่งอาหารที่ย่างสุกแล้วไปลงในจานของลูกค้า

4. บาร์อะกาโจจิน ได้ชื่อมาจากโคมสีแดงแขวนอยู่หน้าร้าน ตรงประตูเข้าขาย สุราและเครื่องดื่มหลายประเภท และอาหารตามเมนู ยะกิโทริย่า คือพับแบบญี่ปุ่นที่ขายไก่และเนื้อสัตว์อื่นๆ ชิ้นเล็กๆ พอหนึ่งคำเสียบไม้ปิ้งไฟ พับชนิดเป็นสาขามีเครือข่ายกว้าง ได้แก่ ซุยชิน โยะโระโนะทะกิ ทซึโบฮะจิ และ เท็งงู ร้านเหล่านี้ขายอาหารหลากหลายชนิด พร้อมกับเครื่องดื่ม และในเรื่องราคานับว่าค่อนข้างปลอดภัยต่อกระเป๋าของท่าน



5. อิซะกะยะ ร้านเหล้าที่ขายอาหารแบบญี่ปุ่น สำหรับท่านที่กำลังเร่งรีบจะไป ซุ้มขายบะหมี่ หรือร้านคอฟฟี่ช้อฟ ร้านอาหาร ฟาสท์ฟู้ด และเครื่องขายของแบบกดปุ่มอัตโนมัติมีบริการขายอาหารและเครื่องดื่มอีกหลากหลายในราคาถูกมากด้วย ตามร้านอาหารส่วนใหญ่ ก่อนจะออกจากร้านท่านจะจ่ายเงินค่าอาหาร มีบางร้านไม่มากนัก ที่ให้ท่านซื้อคูปองอาหารก่อน แล้วยื่นให้แก่พนักงานเสิร์ฟ การชำระเงินต้องใช้เงินสด ยกเว้นในกรณี เขายอมรับบัตรเครดิต ร้านอาหารราคาไม่แพงคอฟฟี่ช้อพและร้านฟาสท์ฟู้ด ยอมรับแต่เงินสดเท่านั้น

สิ่งที่อาจจะดูแปลกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวก็คือ
(1) อาหารกล่อง บางแห่งสวยงามน่าชมมากจนน่าเก็บเป็นที่ระลึก มีขายบนรถไฟ
(2) อาหารมื้อค่ำ บนเรือสำราญท่องเที่ยว ในช่วงท่องทะเลชมอ่าวยามค่ำ เปิดโฉมหน้าตัวเมืองยามราตรีที่ประดับไฟสว่างไสว
(3) ร้านค้าแผงลอยริมถนน "ยะไต" บางร้านมีม้านั่งให้ด้วย เป็นบริการอาหารอร่อยราคาถูกที่น่าลองชิม
(4) ดินเน่อร์บวกรายการฟลอร์โชว์ หรือ โชว์ ที่โรงแรมหรูๆ คิดค่าอาหารบวกค่าโชว์ด้วย สำหรับค่ำคืนใดคืนหนึ่งที่ท่านอาจจะอยากหาความบันเทิง
(5) ร้านค้าแบบเซเว่น-อีเลฟเว่น หรือ คอนวีเนี่ยนสโตร์ มีแซนด์วิช อาหารกล่องมื้อกลางวัน และอาหารสุกชนิดอื่นๆ ที่ท่านสามารถซื้อกลับไปที่พักได้
(6) ใต้ถุนห้างสรรพสินค้า หรือ ที่ชั้นใต้ดิน คือแหล่งที่เหมาะที่สุดสำหรับการลองชิมอาหาร รสชาติแปลกๆ หลากหลายชนิดโดยไม่ต้องเสียเงิน
(7) ไคเท็ง-ซุซิ ลูกค้าร้านอาหารประเภทนี้ นั่งล้อมรอบเคาน์เตอร์ และอาหารจะผ่านมาตามสายพานนั่นคือ ชุชิ ราคาประหยัด ที่ส่งถึงลูกค้าผ่านสายพาน หมุนไปรอบๆ
(8) ตลาดปลาทสึคิจิ
(9) ร้านอาหารนินจา
อร่อยกับซูชิ

http://www.jnto.go.jp/eng/

Bento rice

今日もお弁当なしなので、なつかしのハロウィン特集を続行です! So no lunch today, I continue Natsukashi Halloween Special! 2005年の秋に作りました。 Made in the autumn of 2005.


これは頭にお花が咲いちゃったフランケンですね。 This would be your head bloom Franken Chatta. ちゃんとお水をあげて世話をしているやさしいフランケンです。 Franken is easy to take care that the water is properly raised.
ヒヨコに突っ込まれたりしていますが、気にしてませんね。 Or has been thrust into a chick, I Temasen care. あはははは。 Well done in the.



2005年のフランケンです。 Franken is the year 2005. 風船やお化けを捕まえて、なんとか空を飛ぼうという計画ですが・・・体が重すぎて、びくともしないようです。 And caught a monster balloon, the body is too heavy it flew in the sky plan that somehow seems to be unperturbed.



これも2005年のお弁当です。 This year 2005 is also lunch. ドラキュラですねえ。 Hey is Dracula.

なんか演歌歌手みたいな気配がしているのはなぜだ? The signs that is why something like a ballad singer? (TT) (TT)

このお弁当ではないのですが、フランケンとドラキュラのお弁当の作り方ビデオを「e-お弁当作っちゃいました!テレビ」で公開しています。 In this lunch is not the video how to make lunch and Franken Dracula "e-make lunch was tea! TV" has been published. もしよろしければ、ご覧になってみてください。 If possible, please try to see it.
以下のリンクをクリックしてください。 Please click the link below.

おにぎりでドラキュラとフランケンシュタイン(フランケン)を作る Dracula and Frankenstein in the onigiri (Franconia) make



もうひとつ、2005年のハロウィン弁当です。 Another Halloween 2005 is the year lunch.

光る蜘蛛がならんで、ぶら下がっていたらシャンデリアみたいにみえるかな? Along the shiny spider, and if you look like a chandelier hanging? なんておもって作りました。 We made Omotsu Nante. はい、 禁断のたまごボーロですね。 Yes, it is forbidden bolo eggs. (爆) (Explosion)

あれいらい、たまごボーロは封印しています。 Thenceforth, bolo eggs are sealed. あはははは♪ Haha Ha-ha ♪

食べる係りさんも、えらい目にあってましたねえ。 Dependency's eating well, you know the case Temashita successful.

がんばって食べてくれてましたねえ。 Hey Temashita eat me luck.

あらためまして、ありがとうございます。 The Aratamemashi, Thank you. m(_)m m (_) m

Tags: おばけ , くも , ジャックオーランタン , ドラキュラ , フランケン Tags: monster, spider, Jakkuorantan, Dracula, Franken

よろしければクリック↓↓お願いします↓↓ Thank you if you prefer, click ↓ ↓ ↓ ↓

にほんブログ村 Nihongo Blog villages in

コメントはありませんコメントを読む・書く Read comments Write a comment not なつかしいハロウィン弁当 Miss Halloween lunch Posted in お弁当 , ハロウィン , 秋のお弁当 | 2009年 10月 12日 Posted in lunch, Halloween, autumn lunch | October 12, 2009



お弁当をこのところ、いらないと食べる係りさんがいうので、ちょっとお仕事に打ち込んでいる、ちびぶーです。 At this lunch, so I do not want say it's Dependency and eating, that are dedicated to the work of a few things, and Chibi-boo. みなさま、お元気ですか。 And gentlemen I hope you are.

というわけで、過去のハロウィン弁当ってどんなの作っていたかしらとしみじみみてみました。 So, I wonder if I was making it with feeling and lunch What kind of Halloween past. 思い起こせば2002年3月からお弁当を作り始めて、早9年目に突入しているお弁当ライフなのでした。 If思I起Kose 2002 making lunch from the first three month of life in early lunch was nine have entered the second year.

このお弁当は2004年に作ったハロウィンのお弁当ですね。 It is this bento lunch Halloween made 2004 years.

なんか、恥ずかしい・・・・けど懐かしい(TT) Something, but embarrassing memories (TT)



こっちも2004年のハロウィンです。 Halloween 2004 is the year that game.

もうこのころにはおなじみの顔ができあがっていたんですねえ。 The longer the time I was stoked You look familiar faces.

なんか感慨深いものがこみあげて参ります(TT) Something profound and something参Rimasu Komiage (TT)

うーん、まだまだ修行が足らないな>自分。 Well, it's still not fit to practice "one.

がんばれ>自分! Bad "yourself! ! !

このお弁当ではないのですが、ジャックオーランタンの作り方ビデオを「e-お弁当作っちゃいました!テレビ」で公開しています。 In this lunch is not, how to make video Jakkuorantan "e-make lunch was tea! TV" has been published. もしよろしければ、ご覧になってみてください。 If possible, please try to see it.
以下のリンクをクリックしてください。 Please click the link below.

コロッケパンでジャック・オーランタン Jack O Lantern croquette bread

Tags: ジャックオーランタン Tags: Jakkuorantan


よろしければクリック↓↓お願いします↓↓ Thank you if you prefer, click ↓ ↓ ↓ ↓

にほんブログ村 Nihongo Blog villages in

コメントはありませんコメントを読む・書く Read comments Write a comment not ハロウィンのお子様ランチ Halloween Lunch Children Posted in お弁当 , きゅうり , にんじん , チーズ , ハロウィン , ランチプレート | 2009年 10月 11日 Posted in bento, cucumber, carrots, cheese, Halloween, Plate Lunch | October 11, 2009

ハロウィンのお子さまランチ Halloween Children Lunch



お子様ランチって実は大人も食べてみたいと思っているけど、言い出せないでいるのではないかしら・・・そんなの私だけ? I think that fact What I want to eat lunch for children and adults, at which only dare I have such a wonder? (TT) (TT)

というわけで、パーティーや普通の食事でもお子様ランチプレートを、堂々とつかってみると、実はお客様は内心喜んでくださるのではないか・・・なんて思うのは私だけ? So a child's lunch plate at parties and regular meals, and try Tsukatsu dignified and not care how you actually think not only of Kudasaru secretly pleased me?



ハロウィンのランチ Halloween Lunch

สวนดอกไม้ที่ กุนมะ